วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

๑.ความเป็นมาของ “จินดามณี”


ความเป็นมาของ “จินดามณี”
คำว่า   “จินดามณี”
                ตามที่พบทั้งในสมุดไทยและสมุดพิมพ์  มีการเขียนไว้หลากหลายรูปแบบ  เช่น     จินดามนี     จินดามณี     และจินดามุนีก็มี   เป็นอันว่าจะยึดเอาเป็นที่แน่นอนในตัวหนังสือที่ปรากฎว่าอย่างไหนเป็นทางถูกแน่นอนไม่ได้   และคำที่เป็นปัญหาก็มีเฉพาะคำพยางค์ท้าย คือ  มนี   มณี   หรือมุนี   ส่วนพยางค์ต้นคือ   “จินดา”  นั้น   เขียนเหมือนกันหมด
                ตามหลักการเขียนที่ถูกต้อง   ผู้จัดทำคิดว่าควรใช้คำว่า  “จินดามณี”   ซึ่งแปลว่า  แก้วสารพัตรนึก   โดยผู้คนในอดีตถืออว่าแก้วเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง  หากผู้ใดมีไว้ในครอบครองก็จะเป็นมงคลแก่ผู้นั้นฉันใด     ท่านผู้ประพันธ์คงหมายความฉันนั้น   คือหากผู้ใดได้ศึกษาเล่าเรียนแบบเรียน “จินดามณี” ก็จะรู้แตกฉานในอักษรศาสตร์ของไทย   ประดุจมีแก้วสารพัตรนึกไว้ครอบครอง
                มีโคลงบทหนึ่งท้ายแบบเรียนนั่นได้บอกความไว้ชัดเจนว่า
                                ลิขิตวิจิตรสร้อย                    ศุภอรรถ
                ด่งงมณีจินดารัตน์                               เลอศแล้ว
                อันมีศิริสวัสดิ์                                       โสภาคย์
                ใครรู้คือได้แก้ว                                     ค่าแท้ควรเมือง ฯ
จินดามณี (๒๕๕๑:๑๔๘)
              

จินดามณีฉบับพระนิพนธ์ของกรมหลวงวงษาธิราชสนิท   พระองค์ก็ได้ใช้คำว่า “จินดามณี”  ซึ่งแสดงว่าพระองค์ทรงตั้งพระทัยจะให้หนังสือนี้เปรียบดั่งแก้ว   ดังโคลงพระนิพนธ์ว่า
                                จึ่งริรจเรขซร้อน                                   สารศรี   นี้ฤๅ
                เสนอชื่อจินดามณี                                               ดั่งแก้ว
                จักรพรรดิทุกสิ่งมี                                                ประสงค์เสร็จ   นึกนา
                เติมเล่มสองตรองแล้ว                                        ถี่ถ้วนขบวรกล ฯ
จินดามณี (๒๕๕๑:๑๕๐)
                ดังนั้นผู้จัดจึงทำขอสรุปว่า “จินดามณี”  ควรจะเป็นชื่อที่ใช้เรียกแบบเรียนของไทยเล่มแรก     โดยอ้างจากความหมาย  และคำที่ปรากฏอยู่ในโคลงทั้งสองบทข้างต้น   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น